Connect with us

Others

ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตผู้บริหารระดับสูงของ Cred ถูกฟ้องร้องในนอร์เทิร์นดิสตริกต์แห่งแคลิฟอร์เนีย

Published

on

การกล่าวโทษผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยืมตังค์ผ่านระบบคริปโตที่ล้มละลายอย่าง Cred ได้สร้างความสนใจในวงการธุรกิจและเทคโนโลยี ผู้ที่ถูกกล่าวหาคือ Daniel Schatt ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตซีอีโอ, Joseph Podulka อดีตซีเอฟโอ, และ James Alexander อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทุนของ Cred เหตุการณ์นี้ถูกดำเนินการโดยสำนักงานอัยการสหรัฐฯ ในเขตทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย โดย Schatt และ Podulka ถูกจับกุมและได้เข้าร่วมการพิจารณาคดีเบื้องต้นที่ศาลซานฟรานซิสโกตั้งแต่เช้าวันนี้ตามการบันทึกของสื่อในวันศุกร์ที่ผ่านมา

การถูกกล่าวหานี้สะท้อนถึงปัญหาใหญ่ในวงการเงินคริปโตที่กำลังรุ่งโรจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการจัดการทางกฎหมายและการเงินที่โปร่งใส อาชญากรรมทางไซเบอร์และการฉ้อโกงทางการเงินเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ประกอบการและนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

Daniel Schatt และเพื่อนร่วมงานของเขาถูกกล่าวหาว่าใช้การดำเนินงานของ Cred เพื่อประโยชน์ส่วนตัว, การก่อกวนตลาด, และการจัดการบัญชีของผู้ใช้บริการในวิธีที่มีช่องโหว่ต่อการฉ้อโกง การเข้าใจถึงปัญหาเหล่านี้และการตอบสนองอย่างรวดเร็วจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคงไว้ซึ่งความไว้วางใจในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

กรณีของ Cred เป็นตัวอย่างชัดเจนของภาวะที่ท้าทายในอุตสาหกรรมคริปโต ความเสี่ยงสูงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการดำเนินกิจกรรมในตลาดนี้ต้องได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง

การดำเนินคดีกับผู้บริหารของ Cred ยังเป็นการเตือนใจให้กับองค์กรและผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ว่าหลักธรรมาภิบาลและการปฏิบัติตามกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด การตัดสินใจทางธุรกิจต้องพิจารณาถึงผลกระทบทางกฎหมายและจริยธรรมอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจในหมู่ผู้ใช้บริการและลูกค้า

การพัฒนาคดีนี้และการตอบสนองของภาคส่วนเทคโนโลยีทางการเงินนับว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยปฏิรูปวิธีการดำเนินงานและการตรวจสอบภายในอุตสาหกรรมคริปโต เพื่อให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืนและเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอนาคตสำหรับวงการเงินดิจิทัลและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก.

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Others

ชื่อข่าว: “จอห์น ดีตัน ผู้สนับสนุน XRP เปิดเผยการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล BTC, ETH, SOL และเตรียมแข่งขันกับเซน. วอร์เรนในการเลือกตั้ง”

Published

on

ในแวดวงการเมืองและการเงินดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา มีตัวละครที่น่าสนใจไม่หยุดหย่อน หนึ่งในนั้นคือจอห์น ดีตัน ทนายความที่สนับสนุน XRP และผู้ก่อตั้ง CryptoLaw ซึ่งประกาศทรัพย์สินส่วนใหญ่ในพอร์ตการลงทุนของเขาประกอบด้วย bitcoin (btc), ethereum (eth), solana (sol) และ XRP ซึ่งสะท้อนถึงการเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งในตลาดเงินดิจิทัล

ดีตันไม่ได้เพียงแค่ยืนหยัดเป็นผู้สนับสนุนการเงินดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังมีความทะเยอทะยานในการรับตำแหน่งทางการเมือง โดยกำลังแข่งขันเข้าสู่วุฒิสภาในรัฐแมสซาชูเซตส์ ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือวุฒิสมาชิกธิบดี Elizabeth Warren ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้วิพากษ์วิจารณ์การเงินดิจิทัลสุดแข็งขัน ดีตันนั้นสนับสนุนโดยพรรครีพับลิกันในขณะที่วอร์เรนสังกัดพรรคเดโมแครต

การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินล่าสุดของดีตันระบุว่าประมาณ 81.5% ของสินทรัพย์สุทธิของเขาอยู่ใน BTC และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ BTC นับเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการยึดมั่นในการลงทุนดิจิทัลอย่างแรงกล้า ดีตันเชื่อว่านั่นเป็นการตีความใหม่และการยืนยันศรัทธาในอนาคตของเงินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น BTC, ETH, หรือคริปโตคัมภีร์อื่นๆ

การเลือกตั้งนี้มีความหมายมากกว่าแค่ที่นั่งวุฒิสภา มันเป็นการต่อสู้ทางไอเดียโลยีระหว่างผู้ที่ปรารถนาที่จะยอมรับและหลอมรวมนวัตกรรมดิจิทัลเข้าสู่สังคม และผู้ที่มองว่าเหรียญคริปโตเป็นภัยคุกคามทางการเงินและปฏิบัติการที่ต้องควบคุมอย่างเข้มแข็ง การสนับสนุนจากผู้เล่นทรัพย์สินดิจิทัลรายใหญ่ รวมถึง Ripple และปฏิสัมพันธ์ของ Cameron และ Tyler Winklevoss ที่มีอิทธิพลด้านการเงินดิจิทัล ที่แต่ละคนบริจาคมูลค่า 510,000 ดอลลาร์สหรัฐในรูปแบบ BTC เพื่อสนับสนุนการหาเสียงของดีตัน ถือเป็นการเปิดเผยว่ามีประชากรส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโตที่ปรารถนาถึงการเปลี่ยนแปลงในวุฒิสภา

ความพยายามของวอร์เรนในการควบคุมสถานะการณ์การเงินดิจิทัลเป็นที่รู้จักกันดีและได้รับการตอบสนองด้วยความเป็นปฏิปักษ์จากชุมชนคริปโต ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของดีตันในฐานะทนายความด้านคริปโต การเข้าร่วมในการเมืองถือเป็นก้าวที่สำคัญในการส่งเสริมการยอมรับและการปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต

ตัวเลือกที่จะทำให้ดีตันได้รับการเลือกเข้าสู่วุฒิสภาสามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกมไม่เพียงแต่สำหรับกลุ่มนักลงทุนและผู้บริโภคของกลุ่มเงินตราดิจิทัล แต่ยังสำหรับอนาคตการกำกับดูแลและนโยบายที่จะนำพาสหรัฐฯ ไปยังการเป็นผู้นำทางความคิดในยุคดิจิทัลใหม่ การเลือกตั้งนี้เป็นมากกว่าการแข่งขันทางการเมือง แต่เป็นการทดสอบจริงเจตจำนงของประชาชนในการประยุกต์ใช้และรับรู้ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีที่มีพลวัตอย่างที่เห็นในอุตสาหกรรมการเงินดิจิทัล.

Continue Reading

Others

Osmosis เปิดตัวฟีเจอร์การซื้อขายด้วยคลิกเดียวบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ DeFi ที่ใช้เทคโนโลยี Cosmos

Published

on

ในแวดวงเทคโนโลยีบล็อคเชนและการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) การประกาศการเปิดตัวบัญชีอัจฉริยะใหม่จากโปรเจ็กต์ Osmosis ซึ่งสร้างขึ้นด้วยเทคนิคจาก Cosmos เป็นการสร้างมิติใหม่ที่น่าสนใจ โดย Osmosis ซึ่งประกาศตัวเองว่าเป็น “แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบข้ามเครือข่ายและจุดรวม DeFi ที่ครบวงจรเพียงหนึ่งเดียว” ได้เปิดตัวการซื้อขายด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวสำหรับผู้ใช้ทุกคนผ่านบัญชีอัจฉริยะที่เพิ่งได้รับการนำเข้าใช้

จากการผ่านพระราชบัญญัติแนะนำการทำงานของบัญชีอัจฉริยะ ทำให้โปรเจ็กต์นี้ได้นำเสนอฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย เช่น การรองรับ Passkeys และ Face ID ในการอนุมัติ, เปิดประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายดายมากยิ่งขึ้น การแนะนำนวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความยุ่งยากในการอนุมัติกระเป๋าเงิน แต่ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นของฟีเจอร์อื่นๆ ที่จะถูกเปิดตัวในบัญชีอัจฉริยะนี้ด้วย

ในอีกมุมหน฻่งของโลกคริปโต Galaxy Digital, บริษัทในวงการคริปโตที่ประสบความสำเร็จและนำโดย Michael Novogratz, ได้ทำการซื้อสินทรัพย์ ethereum จำนวนมากของบริษัท CryptoManufaktur LLC ในข้อตกลงที่จะเพิ่มอัตราสินทรัพย์ Ethereum ภายใต้การลงทุนอีกประมาณ 43.5% การรวมสินทรัพย์นี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับ Galaxy Digital ในการขยายพอร์ตการลงทุนใน Ethereum แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในโลก DeFi เพิ่มขึ้น

นอกจากการขยายพอร์ตโฟลิโอลงทุนใน Ethereum แล้ว การนำเสนอแนวทางการลงทุนรูปแบบใหม่กำลังเป็นที่สนใจ ตัวอย่างเช่น Bitrue Ventures ได้ประกาศการสร้างกองทุนลงทุน $40 ล้านเพื่อสนับสนุนบริษัท DeFi ตัวเล็กที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในด้าน AI, การโทเค็นไซส์สินทรัพย์ในโลกจริง, GameFi, และ DePIN นี่เป็นการเห็นอกเห็นใจของ Bitrue Ventures ต่อความพยายามและการพัฒนาในสาขาเหล่านี้ โดยเปิดโอกาสให้การพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนและมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

การเปิดตัวบัญชีอัจฉริยะของ Osmosis ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ในการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ในการซื้อขายและการจัดการบัญชีในโลก DeFi เท่านั้น แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงกับการเติบโตและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในวงการคริปโตและการเงินแบบกระจายอำนาจ การพัฒนาใหม่ๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสใหม่สำหรับผู้เข้าร่วมตลาด แต่ยังส่งเสริมให้มีการเข้าถึงและการใช้งานที่ง่ายดาย ลดความยุ่งยาก และเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม สะท้อนถึงศักยภาพอันเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธของเทคโนโลยีบล็อคเชนในอนาคต.

Continue Reading

Others

NEAR Protocol เปิดตัวข้อเสนอด้านการกำกับดูแลใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ร่วมมือกับ Gauntlet และ NEAR Foundation ส่งผลให้มูลค่าเหรียญ NEAR เพิ่มขึ้น 10%

Published

on

ในวงการดิจิตัลที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบันนี้ NEAR Protocol หนึ่งในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบล็อคเชนได้กลายเป็นหัวข้อฮอตในบรรดานักลงทุนและผู้สนใจในด้านคริปโตเคอเรนซี ด้วยการเปิดตัวข้อเสนอการกำกับดูแลใหม่ที่ผนึกกำลังร่วมกับ Gauntlet และ NEAR Foundation การเคลื่อนไหวนี้ได้ส่งผลให้มูลค่าของโทเค็น NEAR เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อเสนอดังกล่าวมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความเป็นกลางและเพิ่มระดับการกำกับดูแลภายในระบบนิเวศของ NEAR โดยการใช้ระบบการโหวตที่อิงจากการถือหุ้นแทนการโหวตแบบหนึ่งคนหนึ่งเสียง วิธีการนี้คาดหวังว่าจะให้อิทธิพลมากขึ้นแก่ผู้ถือโทเค็น NEAR โดยเชื่อมโยงโดยตรงกับสัดส่วนของการถือหุ้นของพวกเขา ซึ่งหมายความว่า ยิ่งถือหุ้นมากเท่าไหร่ ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานและการตัดสินใจของระบบ ก็จะมากขึ้นเท่านั้น

ที่สำคัญ การปฏิรูปวิธีการบริหารจัดการโหนดในระบบนิเวศก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอนี้ โดยมีการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อดำเนินการคัดเลือกและตรวจสอบข้อเสนอโครงการที่ได้รับจากทุนสนับสนุน นี่คือการปรับปรุงความเป็นมืออาชีพและความโปร่งใสในการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศของ NEAR อีกด้วย

การเสนอโครงสร้างการเงินและกลไกการจูงใจใหม่ก็ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของข้อเสนอนี้ เพื่อการสนับสนุนแบบจำพวกใหม่ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะเห็นถึงการมอบรางวัลและบรรลุผลได้ดีกว่าให้แก่ผู้ที่ถือโทเค็น veNEAR แต่ยังรวมถึงการจูงใจสำหรับการถือครองระยะยาวเพื่อเพิ่มสิ่งจูงใจในการรักษาตำแหน่งในระบบนิเวศ

การเพิ่มขึ้นของมูลค่าโทเค็น NEAR ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงตอบรับที่ดีจากตลาดและผู้ลงทุนต่อข้อเสนอการกำกับดูแลใหม่นี้ ณ เวลานี้ โทเค็น NEAR ได้เห็นการปรับเพิ่มขึ้น 11% แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างมากจากชุมชนเกี่ยวกับทิศทางและอนาคตของ NEAR Protocol เพื่อการเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบล็อคเชนที่มีการกำกับดูแลและการดำเนินงานที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ มูลค่าตลาดและปริมาณการซื้อขายใน 24 ชั่วโมงของโทเค็น NEAR ก็ได้รับการเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกถึงกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนและผู้ใช้งาน ควบคู่ไปกับการแสดงออกในแง่ดีของสิ่งต่างๆ เช่น การเคลื่อนไหวของ MACD ที่เข้าสู่พื้นที่บวกและแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ยังมีสัญญาณบางอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่โดยรวมแล้ว ตลาดยังคงตอบรับในทางบวกต่อข้อเสนอด้านการกำกับดูแลใหม่นี้ แสดงถึงมุมมองที่สดใสต่อการเติบโตและการพัฒนาของ NEAR Protocol ในระยะยาว

Continue Reading

Trending

Copyright © 2024 NewsReportz